วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โอกาสและความท้าทายต่อสุขภาวะจากวิกฤตซ้ำซ้อน

 วิกฤตด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นผลจากเหตุปัจจัย ที่แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ เป็นโอกาสและความท้าทาย หรือเป็นบทเรียนจากความผิดพลาด  เพื่อป้องกันและแก้ไขต่อไป ที่มักเรียกแกมประชดว่า  “วัวหายแล้วล้อมคอก”
คนไม่ฉลาด จึงมักพูดว่า เราจะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส หรือความท้าทาย         แท้จริงแล้วคนที่ฉลาด  จะต้องป้องกันมิให้โอกาสเป็นวิกฤต  จึงจะถูกต้อง
                สุขภาวะ จึงเป็นโอกาสและความท้าทาย ของบุคคล และสังคมที่จะร่วม กันสร้าง อย่าปล่อยวางจนเกิดวิกฤตเกือบทุกด้าน จนหาทางออกแทบไม่เจอ ลองหลับตาแล้วนึกภาพ ที่จุดสุดท้ายของชีวิตของท่าน ที่อายุ  70 ถึง 80 ปี ว่าอยากให้ภาพตัวเองช่วงนั้นเป็นอย่างไร  ณ วัยวันนั้นมี เงิน ร้อยล้าน พันล้าน ก็ไม่สามารถ จ้างใครเดิน หรือออกกำลังกายแทนท่านได้  จ้างใครมากินอาหารอร่อยๆ แทนก็ไม่ได้ จ้างใครมาเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือเป็นมะเร็งแทนท่าน ก็หาได้ไม่ บ้านหลังใหญ่  รถหรูๆ  นาฬิกาแพงๆ ก็แทบไม่มีแรงจะก้มลงไปดู  ต้องนอนอยู่ในเตียงแคบๆ อาจจะมีสายน้ำเกลือ เป็นเครื่องประดับ มีเครื่องช่วยหายใจ เป็นเฟอร์นิเจอร์ข้างกาย คลายเหงา แล้วจะเสียเวลาทั้งชีวิต ไปทำไม เพื่อแสวงหาอะไรหรือ  สุขภาวะของแต่ละคน  ความสงบ สุขเย็นในสังคม อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาดปลอดภัย จึงเป็นโอกาสและความท้าทายที่ต้องไขว่คว้าอย่างยิ่ง
              เราจะต้องใช้เวลาและต้นทุนทรัพยากร มากแค่ไหน ที่จะทำให้คนชาติเดียวกันที่ แบ่งสี แบ่งฝ่าย หันมารักกันดังเดิม หลังจากที่พวกเราลืมคำสอน   เรื่องความสมัครสมานสามัคคี ของคนในชาติ
             เราต้องใช้งบประมาณและเวลามากแค่ไหน ในการ เก็บ กำจัด กากสารพิษ สารเคมี ออกจากพื้นดิน พื้นน้ำ และที่สารพิษปนเปื้อน อยู่ในห่วงโซ่อาหาร หลังจากที่ ไม่มีนโยบายสาธารณะในการป้องกันที่ดีพอ ปล่อยให้โลกาภิวัตน์กลืนกิน และทำลายเกือบย่อยยับ ณ วันนี้ ผู้คนของเราจึงได้รับอาหารที่เต็มไปด้วยสารพิษ บั้นปลายชีวิต จึงต้องกินยาเป็นอาหาร
              เราต้องใช้เวลาและทุ่มงบประมาณมากแค่ไหน เพื่อจะสอนให้ลูกหลานไทย รักและภูมิใจในความเป็นไทย กินอยู่อย่างไทย ใช้ของไทย เที่ยวเมืองไทย    ดูแลสุขภาพแบบไทยๆ มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย  ซื่อสัตย์  สุจริต ไม่คิดโกงบ้านโกงเมือง  ร่วมมือร่วมใจอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  หลังจากที่พบความจริงว่า ลูกหลานเราลืมไปว่าผืนดินบ้านเรา ปลูกผักกินเองได้  ลืมการทำนา ทำสวน ลืมการใช้ชีวิตแบบพอเพียง  ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม   และพบว่า การคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาไปแล้ว เติบโตอยู่ในสังคม        ที่เงินหรือความร่ำรวย มีอำนาจ เหนือ ความดี
               เราพัฒนาประเทศไทย ไปถูกทางหรือเปล่า  เราปฏิรูประบบการศึกษา การเรียนรู้ ในเด็กและเยาวชนอย่างไร เด็กดูจะไม่ค่อยมีความสุข ในการเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง กังวล วุ่นวาย กับการเรียนของลูกๆ ต้องมีการกวดวิชา(ติว)ตั้งแต่เพื่อสอบเข้า ป.1  มีการจัดการสอน การเรียนพิเศษ ทุกระดับชั้น จนเด็กๆ ไม่มีเวลาในการเรียนรู้เรื่องทักษะชีวิต ไม่มีเวลาเล่นกีฬา ไม่ค่อยได้เรียนวิชาศิลปะหรือดนตรี ขาดทักษะในการแก้ปัญหาต่างๆ มุ่งมั่นแก่งแย่งแข่งขัน  เอาชนะกันทุกเรื่อง  เป็นสังคมอยากได้ มากกว่าอยากให้   คนในสังคมจะเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น
                    ถึงเวลา ที่ต้องสร้างโอกาส และความท้าทาย ให้ทุกท่าน เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มที่ตัวท่าน ไปสู่คนในครอบครัว และชุมชน เพื่อไม่ให้เกิด วิกฤตด้านต่างๆ อีก  โปรดได้ดูแลสุขภาวะตัวเอง ทั้งร่างกาย จิตใจ ดูแลสังคม  สิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ด้วย ภูมิปัญญา อันประเสริฐของท่านเถิดครับ
 Copy:  http://www.cco.moph.go.th/apichart/?p=132                                             นายแพทย์อภิชาติ รอดสม

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คนดีไม่มีวันตาย

แม้ไม่มีใครรู้ แต่เรารู้ รู้ว่าเรานั้นทำเพื่อใคร 
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ มันจะเป็นเช่นไร 
ก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำ

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร 
ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ 
ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา 
จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย 
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป 
เหลือไว้แต่คุณงามความดี

ขอเทิดทูลศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี 
ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา 
จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย 
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป 
เหลือไว้แต่คุณงามความดี

ขอเทิดทูลศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด 
แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี 
ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย

คนดีไม่มีวันตาย 

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เธอจงระวัง ความคิด ของเธอ
เพราะ ความคิด ของเธอ
จะกลายเป็น ความประพฤติ ของเธอ

เธอจงระวัง ความประพฤติ ของเธอ
เพราะ ความประพฤติ ของเธอ
จะกลายเป็น ความเคยชิน ของเธอ

เธอจงระวัง ความเคยชิน ของเธอ
เพราะ ความเคยชิน ของเธอ
จะกลายเป็น อุปนิสัย ของเธอ

เธอจงระวัง อุปนิสัย ของเธอ
เพราะ อุปนิสัย ของเธอ
จะ กำหนดชะตากรรมของเธอ...ชั่วชีวิต


หลวงปู่ชา สุภัทโท

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

พูดแล้วได้อะไร


          อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด  อยู่ร่วมมิตรให้ระวังวาจา 

สุภาษิตไทยโบราณ ยังคงขลังและศักดิ์สิทธิ์เสมอมา ชีวิตที่ผิดพลาดเพราะการกระทำนั้น  ส่วนใหญ่หนีไม่พ้นเรื่อง วจีกรรม

ศีลข้อ 4 กล่าวถึงมุสาวาทา  แต่ยังแบ่งซอยออกเป็นไม่พูดหยาบคาย  ไม่พูดเพ้อเจ้อ  ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดให้เขาแตกแยก 

เส้นทางชีวิตหากตะบึงวิ่งผ่าน เราจะไม่เห็นอะไรแจ่มชัด ลองช้าลง หยุดคิดพิจารณา ตามดูตัวเองทุกฝีก้าว เราจะพบจุดบกพร่อง

มากมายที่นาแก้ไข  พูดแล้วได้อะไร  หมั่นเตือนสติ  เตือนตัวเองเสมอๆ เพื่อชีวิตจะได้ไม่ผิดพลาด  เพื่อชีวิตจะได้

ไม่ทำให้ผู้อื่นเจ็บช้ำ  หรือทำให้ผู้อื่นเสียใจ
 
พูดแล้วได้อะไร

  “นี่เธอๆ อย่าบอกใครนะ ยายแดงเพื่อนเราที่แต่งงานไปเมื่อปีก่อน  เมื่อวานฉันเห็นควงกับหนุ่มหล่อ

ขยันแทบตาย ไม่เคยได้ 2 ขั้น เลิกทำๆ

ไอ้แดงทำเดี๋ยวนี้นะ ทำเดี๋ยวตบชัด” (พูดกับลูก)

พ่อให้อะไรหนูบ้าง ดูบ้านโน้นสิ พ่อเขาใจดีจะตาย

เรียนได้เกรดแค่นี้ ไปตายซะดีกว่า

พูดแล้วได้อะไร เหมือนท่องนะโมเตือนสติก่อนสาย  หลายๆ อย่างที่พูดออกไปทำร้ายตัวเอง  บั่นทอนกำลังใจตัวเอง

ให้ถดถอย  หลายๆ อย่างทำให้คนอื่นเกลียดชัง ถือสา ต่างอย่างเป็นที่รัก แต่ความฝันกับความเป็นจริงกับห่างกันสุดกู่ เพราะเรา

ทำเอง  ตรองก่อนพูด  รู้ตัวก่อนเอื้อนเอ่ย  แล้วไม่รู้แล้ว  ความผิดเก่า ๆ เอามาฟื้นฝอยหาตะเข็บ ก่อความเจ็บช้ำโดยใช่เหตุ  

พูดแล้วได้อะไร  ถามตัวเองทุกครั้ง  มีเจตนาอย่างไรจึงพูดประโยคนี้ หวังดีกับลูก หวังดีกับคนรัก แต่เพราะขาดสติ  สิ่งที่บอกกล่าวจึงกลับกลายเป็นคำพูดที่น่าเบื่อหน่าย 

 พูดแล้วได้อะไร  พูดแล้วหยุดเขาไมได้  พูดแล้วรับรองไม่มีการเปลี่ยนแปลง  เราหยุดพูดดีกว่า  พูดน้อย ไม่พูด

บ่อย  แต่นานๆ พูดทีครอบครัวก็จะสงบสุข  ไม่ปั่นป่วนด้วยมรสุมปาก  

พูดแล้วได้อะไร  ลูกก็จะหายดื้อ  คนรักก็จะไม่หน่ายแหนง  มิใช่มาแล้วยาย (ตา) ปากปลาร้า  ปากไม่มีหูรูด 

โอ้ ! แสนจะเบื่อหน่าย อยากให้เขาดี”  เหตุผลสวยหรู แต่วิธีการตื้นเขิน อยากให้เขาดีมิใช่พร่ำพูด  ย้ำพูด

(ยิ่งประชด ยิ่งไปใหญ่)  แท้ที่จริงเป็นเพียงระบายตัณหาความอยากของเราออกไปต่างหาก
 
พูดแล้วได้อะไร  คำพูดจะต้องบรรจงร้อยเรียงมอบให้แก่ผู้ฟัง  มิใช่อ้วกส่งเพราะทนไม่ไหว  ทุกคนมีจิตใจ  

มีวิญญาณ มีสำนึกที่จะรู้ดีว่าใครจริงใจ  หวังดีหรือทำเป็นอ้างจริงใจ  “พูดแล้วได้อะไร”  ย้ำเตือนบ่อย ๆ คำพูดจะต้องออกมา

ด้วยความปรารถนาดี  มิใช่สักแต่เพ้อเจ้อ  หรือเพราะไม่มีอะไรทำ  นิสัยของคนมักจะชอบถล่มคนอื่น  แต่โอ่โอ๋ตัวเอง  จึงเป็น

สังคมแห่งการนินทาที่แก้ไขแสนจะยาก

สวยดีนะ  แต่เดินเหมือนเป็ด

ต่อยมันได้ที่ 1 ก็จริง  แต่บ้านมันจนอย่าบอกใคร

ดูเสื้อเขียวขี่รถเก๋งซิ  คงโกงมาละซิท่า ถึงมีเงินซื้อ

ครูบุษบาได้ 2 ขั้น ฉันสงสัย คงประจบครูใหญ่น่าดู

ผัวเมียคู่นี้จะดีกันได้สักกี่น้ำ  อีกหน่อยก็คงเหมือนพวกเราแหละ

โธ่เอ๊ย! ทำเป็นเคร่ง อดเหล้า อดบุหรี่ จะไปได้ซักกี่น้ำ

เขาทำงานดีอยู่หรอก แต่ว่า...ฯลฯ

นิสัยเขาก็ดีนะ เสียแต่ว่า...ฯลฯ

ก็ว่ากับไปสุดแต่จะคิดค้น แต่คนเรานั้นถนัดนักที่จะดึงเอาความบกพร่องของคนอื่นออกมา

คนมีกรรม  คือ กินยาก  อยู่ยาก โกรธง่าย และมองคนในแง่ดีไม่เป็น

พูดแล้วได้อะไร  ตั้งจิตเมตตา ให้อภัยทุกผู้  แม้ศัตรูก็จะไม่ขอว่าร้าย คนชอบกัน  เราย่อมแต่ส่วนดี แต่คนเกลียดกัน

ลองงดพูดในส่วนร้ายจะไหวไหม ปาณาติบาต  การทำร้ายผู้อื่นด้วยกายกรรม  เป็นบาปใหญ่ 1 ใน 5 แห่งศีลของพระพุทธศาสนา

มุสาวาทา มิใช่โกหกแต่อย่างเดียว  ยังหมายถึงการกล่าวร้ายทำร้ายผู้อื่นทางวจีกรรมด้วย

พูดแล้วได้อะไร รับประกันชนิดไม่ต้องซ่อม  ครอบครัวจะเป็นสุข บ้านผีสิงจะเป็นบ้านพระ ที่ทำงานจะกลับกลายจาก

นรกเป็นสวรรค์  คำสิริมงคลคำนี้ยิ่งใหญ่มหาศาล  เพราะการอดกลั้นไม่ประทุษร้ายทางวาจานั้น  เป็นอีกวิธีการหนึ่งแห่งการลด

โทสะอย่างชะงัด  แล้วเราจะได้พ้นบาปกรรมที่เรียงคิวเข้ามาอย่างน่ากลัวเสียที  ชีวิตไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนักหรอก  หากลองแก้ไข 

เริ่มต้นที่ตัวเอง  ฝึกพูดให้เป็น มิใช่กระโชกโฮกฮากเข้าใส่  เพราะคนมิใช่กระโถน มิใช่ขี้ข้า  มิใช่ต่ำเกียรติ ด้วยศักดิ์ศรี แล้วคน

จะไว้ใจ เชื่อถือ แล้วคนจะรัก เคารพและศรัทธา...สรรพคุณขนาดนี้ ถ้าไม่คิดฝึก  ก็คงต้องปล่อยให้คนเกลียดชังทั่วทั้งแผ่นดิน

นะเออ
โดย... สุวลี
หนังสือ... ธรรมะเตือนตน

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประตูสองบาน

ประตูมีหลายแบบ
ความทุกข์และปัญหาก็มีหลายแบบเช่นกัน

บางครั้งเราใช้ชีวิตแบบดึง
ทั้งที่ประตูบอกว่าผลัก

และใช้ชีวิตแบบผลัก
ทั้งที่ประตูบอกให้เลื่อน

ประตูเปิดไม่ออก ปัญหาผลักไม่ออก
ไม่ใช่เป็นเพราะปัญหาแก้ไม่ได้ หรือประตูเปิดไม่ได้

หากแต่เป็นที่ตัวเราไม่เคยใช้ ' ความคิด '
เพื่อค้นหาวิธีการเปิดประตูอย่างถูกต้องเลย


คัดลอก: ท่าน ว.วชิรเมธี

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความสุขโดยสังเกต

๑. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อเป็นอิสระจากความคาดหวัง
๒. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำ
๓. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อเป็นตัวของตัวเอง
๔. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อได้ทำงานที่รัก
๕. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อผูกพันกับใครสักคน
๖. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความรัก
๗. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อรู้จักและให้อภัย
๘. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อยอมรับสิ่งต่างๆ ที่มันเป็น
๙. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อหลงใหลอะไรสักอย่าง
๑๐. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อทำในสิ่งธรรมดาให้คนพิเศษ
๑๑. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อจดจ่อและทุ่มเทกับสิ่งที่กำลังทำอยู่โดยไม่สนใจสิ่งอื่น
๑๒. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อรู้สึกเชื่อมโยงกับเพื่อนร่วมสังคม
๑๓. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อได้ให้อะไรบางอย่างแก่ผู้อื่น
๑๔. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อปล่อยวางอดีตและมองไปข้างหน้า
๑๕. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อมีคนร่วมทุกข์ร่วมสุข
๑๖. ความสุขเกิดขึ้นเมื่ออยู่กับปัจจุบัน
๑๗. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อมีเป้าหมายและพยายามไปให้ถึง
๑๘. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อมีคนข้างๆ ร่วมทางไปด้วย
๑๙. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อใช้เวลากับคนที่เรารัก
๒๐. ความสุขเกิดขึ้นเมื่อเราสังเกตเห็นมัน....