วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

พูดแล้วได้อะไร


          อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด  อยู่ร่วมมิตรให้ระวังวาจา 

สุภาษิตไทยโบราณ ยังคงขลังและศักดิ์สิทธิ์เสมอมา ชีวิตที่ผิดพลาดเพราะการกระทำนั้น  ส่วนใหญ่หนีไม่พ้นเรื่อง วจีกรรม

ศีลข้อ 4 กล่าวถึงมุสาวาทา  แต่ยังแบ่งซอยออกเป็นไม่พูดหยาบคาย  ไม่พูดเพ้อเจ้อ  ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดให้เขาแตกแยก 

เส้นทางชีวิตหากตะบึงวิ่งผ่าน เราจะไม่เห็นอะไรแจ่มชัด ลองช้าลง หยุดคิดพิจารณา ตามดูตัวเองทุกฝีก้าว เราจะพบจุดบกพร่อง

มากมายที่นาแก้ไข  พูดแล้วได้อะไร  หมั่นเตือนสติ  เตือนตัวเองเสมอๆ เพื่อชีวิตจะได้ไม่ผิดพลาด  เพื่อชีวิตจะได้

ไม่ทำให้ผู้อื่นเจ็บช้ำ  หรือทำให้ผู้อื่นเสียใจ
 
พูดแล้วได้อะไร

  “นี่เธอๆ อย่าบอกใครนะ ยายแดงเพื่อนเราที่แต่งงานไปเมื่อปีก่อน  เมื่อวานฉันเห็นควงกับหนุ่มหล่อ

ขยันแทบตาย ไม่เคยได้ 2 ขั้น เลิกทำๆ

ไอ้แดงทำเดี๋ยวนี้นะ ทำเดี๋ยวตบชัด” (พูดกับลูก)

พ่อให้อะไรหนูบ้าง ดูบ้านโน้นสิ พ่อเขาใจดีจะตาย

เรียนได้เกรดแค่นี้ ไปตายซะดีกว่า

พูดแล้วได้อะไร เหมือนท่องนะโมเตือนสติก่อนสาย  หลายๆ อย่างที่พูดออกไปทำร้ายตัวเอง  บั่นทอนกำลังใจตัวเอง

ให้ถดถอย  หลายๆ อย่างทำให้คนอื่นเกลียดชัง ถือสา ต่างอย่างเป็นที่รัก แต่ความฝันกับความเป็นจริงกับห่างกันสุดกู่ เพราะเรา

ทำเอง  ตรองก่อนพูด  รู้ตัวก่อนเอื้อนเอ่ย  แล้วไม่รู้แล้ว  ความผิดเก่า ๆ เอามาฟื้นฝอยหาตะเข็บ ก่อความเจ็บช้ำโดยใช่เหตุ  

พูดแล้วได้อะไร  ถามตัวเองทุกครั้ง  มีเจตนาอย่างไรจึงพูดประโยคนี้ หวังดีกับลูก หวังดีกับคนรัก แต่เพราะขาดสติ  สิ่งที่บอกกล่าวจึงกลับกลายเป็นคำพูดที่น่าเบื่อหน่าย 

 พูดแล้วได้อะไร  พูดแล้วหยุดเขาไมได้  พูดแล้วรับรองไม่มีการเปลี่ยนแปลง  เราหยุดพูดดีกว่า  พูดน้อย ไม่พูด

บ่อย  แต่นานๆ พูดทีครอบครัวก็จะสงบสุข  ไม่ปั่นป่วนด้วยมรสุมปาก  

พูดแล้วได้อะไร  ลูกก็จะหายดื้อ  คนรักก็จะไม่หน่ายแหนง  มิใช่มาแล้วยาย (ตา) ปากปลาร้า  ปากไม่มีหูรูด 

โอ้ ! แสนจะเบื่อหน่าย อยากให้เขาดี”  เหตุผลสวยหรู แต่วิธีการตื้นเขิน อยากให้เขาดีมิใช่พร่ำพูด  ย้ำพูด

(ยิ่งประชด ยิ่งไปใหญ่)  แท้ที่จริงเป็นเพียงระบายตัณหาความอยากของเราออกไปต่างหาก
 
พูดแล้วได้อะไร  คำพูดจะต้องบรรจงร้อยเรียงมอบให้แก่ผู้ฟัง  มิใช่อ้วกส่งเพราะทนไม่ไหว  ทุกคนมีจิตใจ  

มีวิญญาณ มีสำนึกที่จะรู้ดีว่าใครจริงใจ  หวังดีหรือทำเป็นอ้างจริงใจ  “พูดแล้วได้อะไร”  ย้ำเตือนบ่อย ๆ คำพูดจะต้องออกมา

ด้วยความปรารถนาดี  มิใช่สักแต่เพ้อเจ้อ  หรือเพราะไม่มีอะไรทำ  นิสัยของคนมักจะชอบถล่มคนอื่น  แต่โอ่โอ๋ตัวเอง  จึงเป็น

สังคมแห่งการนินทาที่แก้ไขแสนจะยาก

สวยดีนะ  แต่เดินเหมือนเป็ด

ต่อยมันได้ที่ 1 ก็จริง  แต่บ้านมันจนอย่าบอกใคร

ดูเสื้อเขียวขี่รถเก๋งซิ  คงโกงมาละซิท่า ถึงมีเงินซื้อ

ครูบุษบาได้ 2 ขั้น ฉันสงสัย คงประจบครูใหญ่น่าดู

ผัวเมียคู่นี้จะดีกันได้สักกี่น้ำ  อีกหน่อยก็คงเหมือนพวกเราแหละ

โธ่เอ๊ย! ทำเป็นเคร่ง อดเหล้า อดบุหรี่ จะไปได้ซักกี่น้ำ

เขาทำงานดีอยู่หรอก แต่ว่า...ฯลฯ

นิสัยเขาก็ดีนะ เสียแต่ว่า...ฯลฯ

ก็ว่ากับไปสุดแต่จะคิดค้น แต่คนเรานั้นถนัดนักที่จะดึงเอาความบกพร่องของคนอื่นออกมา

คนมีกรรม  คือ กินยาก  อยู่ยาก โกรธง่าย และมองคนในแง่ดีไม่เป็น

พูดแล้วได้อะไร  ตั้งจิตเมตตา ให้อภัยทุกผู้  แม้ศัตรูก็จะไม่ขอว่าร้าย คนชอบกัน  เราย่อมแต่ส่วนดี แต่คนเกลียดกัน

ลองงดพูดในส่วนร้ายจะไหวไหม ปาณาติบาต  การทำร้ายผู้อื่นด้วยกายกรรม  เป็นบาปใหญ่ 1 ใน 5 แห่งศีลของพระพุทธศาสนา

มุสาวาทา มิใช่โกหกแต่อย่างเดียว  ยังหมายถึงการกล่าวร้ายทำร้ายผู้อื่นทางวจีกรรมด้วย

พูดแล้วได้อะไร รับประกันชนิดไม่ต้องซ่อม  ครอบครัวจะเป็นสุข บ้านผีสิงจะเป็นบ้านพระ ที่ทำงานจะกลับกลายจาก

นรกเป็นสวรรค์  คำสิริมงคลคำนี้ยิ่งใหญ่มหาศาล  เพราะการอดกลั้นไม่ประทุษร้ายทางวาจานั้น  เป็นอีกวิธีการหนึ่งแห่งการลด

โทสะอย่างชะงัด  แล้วเราจะได้พ้นบาปกรรมที่เรียงคิวเข้ามาอย่างน่ากลัวเสียที  ชีวิตไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนักหรอก  หากลองแก้ไข 

เริ่มต้นที่ตัวเอง  ฝึกพูดให้เป็น มิใช่กระโชกโฮกฮากเข้าใส่  เพราะคนมิใช่กระโถน มิใช่ขี้ข้า  มิใช่ต่ำเกียรติ ด้วยศักดิ์ศรี แล้วคน

จะไว้ใจ เชื่อถือ แล้วคนจะรัก เคารพและศรัทธา...สรรพคุณขนาดนี้ ถ้าไม่คิดฝึก  ก็คงต้องปล่อยให้คนเกลียดชังทั่วทั้งแผ่นดิน

นะเออ
โดย... สุวลี
หนังสือ... ธรรมะเตือนตน